เที่ยวญี่ปุ่นเมืองรองเดือนพฤษภาคม: 4 เมืองรอง ญี่ปุ่น มุมลับน่าไปที่น้อยคนจะรู้จัก!

ญี่ปุ่นในเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงเวลาที่อากาศสดชื่น กำลังพอดี ไม่ร้อนจัดและไม่หนาวจนเกินไป ดอกไม้หลากสีสันเริ่มผลิบาน บรรยากาศยังคงเงียบสงบก่อนที่ฤดูท่องเที่ยวจะคึกคักขึ้น ถือเป็นโอกาสทองสำหรับนักเดินทางหลายๆ คนที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นในมุมที่แตกต่าง หลีกหนีจากฝูงชนและค้นพบเสน่ห์ของญี่ปุ่นที่ซ่อนอยู่
แน่นอนว่าโตเกียว โอซาก้า และเกียวโตจะยังคงเป็นจุดหมายยอดฮิต แต่ญี่ปุ่นยังมี “เมืองรอง” อีกมากมายที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิม อาหารท้องถิ่นรสเลิศ หรือทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงามไม่แพ้เมืองหลัก
วันนี้เราขอพาทุกคนไปเที่ยวญี่ปุ่น เมืองรองในเดือนพฤษภาคม บอกเลยว่าแต่ละที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ที่รอให้คุณไปค้นพบ มาสัมผัสญี่ปุ่นในมุมใหม่กับ 4 เมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นและเปิดประสบการณ์การเดินทางไปกับ Gother กัน!
จังหวัดกิฟุ (Gifu) - ดินแดนแห่งสายน้ำและขุนเขา
เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่นที่แรกต้องยกให้ กิฟุ จังหวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางญี่ปุ่น ห่างจากโตเกียวเพียง 2 ชั่วโมง เดินทางด้วยรถไฟชินคันเซ็น ที่นี่มีทั้งภูเขาสูงตระหง่าน หมู่บ้านประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรมที่เก่าแก่หลายร้อยปี โดยเฉพาะในเดือนพฤษภาคม กิฟุยิ่งมีเสน่ห์น่าหลงใหลกว่าเดิม เพราะบรรยากาศสดชื่นและมีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย
หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)

ใครที่หลงใหลในบ้านเรือนโบราณและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมต้องไม่พลาดหมู่บ้านชิราคาวาโกะ(Shirakawa-go) เมืองรอง ญี่ปุ่น ที่ได้ขึ้นมรดกโลก UNESCO ที่นี่โด่งดังด้วยบ้านทรงกัชโชสึคุริ (Gassho-zukuri) หลังคาสูงชันรูปสามเหลี่ยมที่ออกแบบให้รับมือกับหิมะหนักในฤดูหนาว เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ชิราคาวาโกะสวยที่สุด! หิมะละลายหมดแล้ว ทุ่งนาเป็นสีเขียวสด และแม่น้ำใสไหลผ่านหมู่บ้าน บ้านไม้โบราณบางหลังเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมให้นักท่องเที่ยวได้เรียนรู้วิถีชีวิตคนท้องถิ่นที่ยังคงใช้ชีวิตแบบดั้งเดิม อีกทั้งยังมีร้านขายของที่ระลึกและอาหารพื้นเมืองให้ลองชิมอีกมากมาย

Tips: ควรไปถึงช่วงเช้าตรู่เพื่อหลีกเลี่ยงนักท่องเที่ยวที่มักมาเป็นกรุ๊ปทัวร์ในช่วงสาย และอย่าลืมลองชิม โฮบะมิโซะ (Hoba Miso) อาหารท้องถิ่นที่นำเนื้อที่ขึ้นชื่อในท้องถิ่นและผักมาย่างบนใบแมกโนเลียกับซอสมิโซะรสเข้มข้น
หมู่บ้านประวัติศาสตร์ทาคายาม่า (Hida Takayama)

เมืองรอง ญี่ปุ่นน่าไปอีกแห่ง เมืองทาคายาม่า (Takayama) เมืองเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางหุบเขาลึกของจังหวัดกิฟุ ไปซึมซับบรรยากาศย้อนยุค ที่ยังคงรักษาสถาปัตยกรรมไม้ดั้งเดิมไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ราวกับหลุดเข้าไปในยุคเอโดะ พร้อมกับฉากหลังของเทือกเขาฮิดะที่โอบล้อมเมืองนี้เอาไว้ ใครที่หลงใหลในวัฒนธรรมเก่าแก่และต้องการสัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นแท้ๆ ต้องลองไปสักครั้ง!
ย่านเมืองเก่าซันมาชิซูจิ (Sanmachi Suji) คือไฮไลท์เด็ด ที่นี่มีบ้านไม้โบราณ ร้านค้า ร้านสาเก และร้านอาหารเรียงรายตลอดสองข้างทาง อาคารส่วนใหญ่มีอายุกว่า 300 ปี และยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่นสมัยเอโดะไว้อย่างสมบูรณ์
ความพิเศษคือในเดือนพฤษภาคมที่ทาคายาม่าจะมีการจัดเทศกาล ซันโนะมัตสึริ (Sanno Matsuri) หนึ่งในเทศกาลฤดูใบไม้ผลิที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น มีขบวนแห่รถฉุดลากไม้แกะสลักอันวิจิตรไปตามถนนในเมือง รวมถึงการแสดงพื้นเมืองที่หาชมได้ยากอีกด้วย

Tips: ลองตื่นแต่เช้าไปเดินเล่นที่ตลาดเช้ามิยากาวะ (Miyagawa Morning Market) ริมแม่น้ำมิยากาวะ ที่นี่มีสินค้าพื้นเมือง ผักผลไม้สด และอาหารท้องถิ่นมากมาย และอย่าพลาดชิม ฮิดะกิว (Hida Beef) เนื้อวัวระดับพรีเมียมที่ละลายในปากคล้ายกับวากิวแต่ราคาถูกกว่า!
น้ำตกเคกอน (Kegon Falls)

น้ำตก Kegon Falls เป็นหนึ่งในน้ำตกที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น มีความสูงถึง 97 เมตร ตั้งอยู่ที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) ในเขตอุทยานแห่งชาตินิกโก้ ในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมน้ำตกนี้เลย เพราะหิมะที่ละลายจากภูเขาทำให้น้ำไหลแรง ธรรมชาติโดยรอบเริ่มกลับมาเขียวขจีอีกครั้ง ป่าไม้มีสีเขียวชอุ่มและดอกไม้ป่านานาพันธุ์เหมาะกับการเดินชมวิวและถ่ายภาพที่สุด
ที่นี่มีจุดชมวิวสองระดับให้เลือก คือแบบที่ฟรี มองเห็นน้ำตกจากด้านบน และจุดชมวิวด้านล่างที่ต้องเสียค่าเข้าชมเล็กน้อย แต่คุ้มค่าเพราะจะได้เห็นน้ำตกในมุมที่สวยงามมากกว่า เพราะใกล้น้ำตกมากกว่า!
Tips: จุดชมวิวด้านล่างมักมีละอองน้ำพ่นเข้ามา ควรเตรียมพลาสติกกันน้ำสำหรับกล้องถ่ายรูป และมาในช่วงเช้าตรู่เผื่ออโอกาสที่จะได้เห็นรุ้งกินน้ำเหนือน้ำตก
จังหวัดชิมาเนะ (Shimane)– เมืองเก่าที่ซ่อนเสน่ห์แห่งญี่ปุ่นดั้งเดิม
หากเพื่อนๆ กำลังมองหาเมืองรอง ญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของธรรมชาติ วัฒนธรรม และประวัติศาสตร์ มัตสึเอะ (Matsue) ในจังหวัดชิมาเนะ (Shimane) คือหนึ่งในจุดหมายที่คุณไม่ควรพลาดเลย!
มัตสึเอะได้รับสมญานามว่าเป็น “เมืองแห่งน้ำ” เพราะตั้งอยู่ระหว่าง ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji) และ ทะเลสาบนาคาอุมิ (Lake Nakaumi) บรรยากาศของที่นี่สงบ โรแมนติก เหมาะสำหรับการเดินเล่นริมทะเลสาบ ล่องเรือชมวิว และดื่มด่ำกับวัฒนธรรมด้านชาเขียวและพิธีชงชาที่โด่งดังของเมือง
ปราสาทมัตสึเอะ (Matsue Castle)

ปราสาทมัตสึเอะเป็นหนึ่งในเพียง 12 ปราสาทในญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพดั้งเดิมจากสมัยเอโดะ และเป็น 1 ใน 5 ปราสาทที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมของชาติ ปราสาทสร้างเสร็จในปี 1611 ตั้งตระหง่านอยู่บนเนินเขาเตี้ยๆ ล้อมรอบด้วยคูน้ำและสวนสวยงาม
ภายในปราสาทจะมีการจัดแสดงอาวุธโบราณ เกราะซามูไร และข้าวของเครื่องใช้จากยุคเอโดะ และจากดาดฟ้าบนชั้นบนสุด นักท่องเที่ยวจะได้ชมวิวทิวทัศน์แบบ 360 องศาของเมืองมัตสึเอะและทะเลสาบทั้งสองฝั่ง และยิ่งในเดือนพฤษภาคมนี้ สวนรอบปราสาทเต็มไปด้วยดอกไอริสและดอกโบตั๋นที่บานสะพรั่ง และยังมีการจัดแสดงการยิงธนูโบราณและศิลปะการต่อสู้ของซามูไรในบางวันอีกด้วย
Tips: ลองล่องเรือรอบคูน้ำปราสาท ซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 นาที เพื่อชมปราสาทจากมุมที่แตกต่าง และอย่าลืมถ่ายรูปกับกำแพงหินโบราณที่สร้างด้วยเทคนิคพิเศษไม่ใช้ปูนซีเมนต์แต่ยังคงแข็งแกร่งมานานหลายร้อยปี
ทะเลสาบชินจิ (Lake Shinji)

ทะเลสาบชินจิเป็นทะเลสาบน้ำกร่อยที่ใหญ่เป็นอันดับ 7 ของญี่ปุ่น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองมัตสึเอะ เป็นสัญลักษณ์ของเมืองและเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญของท้องถิ่น ทะเลสาบแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากในเรื่องความงดงามของพระอาทิตย์ตก ยิ่งในเดือนพฤษภาคม ท้องฟ้าที่ค่อนข้างปลอดโปร่งจะทำให้ชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างชัดเจน แสงสีทองของดวงอาทิตย์ที่สะท้อนกับผืนน้ำ สร้างภาพที่สวยงามจับใจ
นอกจากการชมพระอาทิตย์ตกแล้ว ทะเลสาบชินจิยังขึ้นชื่อเรื่องหอยชิจิมิ (Shijimi Clams) หอยน้ำจืดขนาดเล็กที่มีรสชาติดีและอุดมไปด้วยแร่ธาตุ ในยามเช้าหากคุณแวะมาที่ริมทะเลสาบ จะได้เห็นชาวประมงท้องถิ่นออกเรือไปเก็บหอยชิจิมิตามวิถีดั้งเดิม ภาพเรือไม้ลอยอยู่เหนือผืนน้ำที่เงียบสงบ พร้อมแสงแรกของวัน สร้างบรรยากาศที่อบอุ่นและงดงามสุดๆ
Tips: สะพานโฮริคาวะ (Horikawa Bridge) และสวนโยมิกะเอริ (Yomigaeri Park) เป็นจุดชมวิวที่ดีที่สุดสำหรับพระอาทิตย์ตกเหนือทะเลสาบชินจิ และอย่าลืมลองชิม ชิจิมิ-จิรุ (Shijimi-jiru) ซุปมิโสะใส่หอยชิจิมิ อาหารท้องถิ่นที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นที่นิยมสำหรับอาหารเช้าในภูมิภาคนี้
วัฒนธรรมของชาเขียวและพิธีชงชา

มัตสึเอะเป็นหนึ่งในเมืองที่มีประวัติศาสตร์ด้านชาเขียวที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น และยังเป็นบ้านของ ลาฟคาดิโอ เฮิร์น (Lafcadio Hearn) หรือ โคอิซูมิ ยาคุโมะ (Koizumi Yakumo) นักเขียนชาวอังกฤษ-ไอริชที่หลงใหลในวัฒนธรรมญี่ปุ่น ซึ่งรวมไปถึงพิธีชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่นด้วย
ใครอยากสัมผัสและเรียนรู้เรื่องการชงชาต้องแวะไปที่ เรือนน้ำชาเมเมอิอัน (The Meimei-an Tea House) เป็นเรือนน้ำชาที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่นที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ ภายในมีการจัดแสดงเครื่องมือและอุปกรณ์ในการชงชาโบราณ และมีการสาธิตพิธีชงชาแบบดั้งเดิมให้นักท่องเที่ยวได้ชม นอกจากนี้ สวนที่อยู่โดยรอบเรือนน้ำชายังได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถันตามหลักการจัดสวนแบบญี่ปุ่นดั้งเดิม สัมผัสวิถีดั้งเดิมของญี่ปุ่นได้แบบเต็มๆ
Tips: นอกจากขาเชียวแล้ว อย่าลืมไปลิ้มลองชิม วากาชิ (Wagashi) ขนมหวานญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ทำเพื่อรับประทานคู่กับชาเขียวโดยเฉพาะ
จังหวัดมิเอะ (Mie) - ญี่ปุ่นแท้ๆ ริมชายฝั่งแปซิฟิก
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองรองทั้งที ต้องมีมิเอะอยู่ในลิสต์! มิเอะเป็นจังหวัดที่ตั้งอยู่บนชายฝั่งแปซิฟิกของญี่ปุ่น มีทั้งหาดทรายสวยงาม ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ และเมืองประมงเล็กๆ ที่มีเสน่ห์ จังหวัดนี้ยังเป็นแหล่งผลิตอาหารทะเลและวัตถุดิบชั้นเลิศของญี่ปุ่น เดือนพฤษภาคมเป็นช่วงที่อากาศเริ่มอบอุ่น เหมาะแก่การท่องเที่ยวชายฝั่งแบบที่ไม่ร้อนเกินไป ถือเป็นเมืองน่าเที่ยวญี่ปุ่นที่พลาดไม่ได้เลย!
ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Grand Shrine)

ศาลเจ้าอิเสะไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม แต่ถือเป็นศาลเจ้าที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในศาสนาชินโต และเป็นศูนย์กลางจิตวิญญาณของญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน ที่นี่เป็นที่ประทับของเทพอามาเทราสึ (Amaterasu) เทพแห่งดวงอาทิตย์ ผู้เป็นต้นกำเนิดของราชวงศ์ญี่ปุ่น
ศาลเจ้าอิเสะตั้งอยู่ท่ามกลางป่าสนอายุนับพันปี ให้บรรยากาศที่เงียบสงบและเต็มไปด้วยมนต์ขลัง ใครที่เป็นสายมู ต้องลองมาสักครั้งเพราะนักท่องเที่ยวที่มาจะรู้สึกถึงพลังงานแห่งธรรมชาติและความศรัทธาที่หยั่งรากลึกในวัฒนธรรมญี่ปุ่น
Tips: ก่อนเข้าศาลเจ้า ควรแวะถนนโอคาเกะ-โยโกโช (Okage Yokocho) ถนนช้อปปิ้งแบบย้อนยุคที่เต็มไปด้วยร้านอาหารและของที่ระลึก อย่าพลาดชิม อากาฟุกุ โมจิ (Akafuku Mochi) ขนมโมจิแบบดั้งเดิมที่มีประวัติยาวนานกว่า 300 ปี
เมืองประมงโทบะ (Toba)

โทบะเป็นเมืองประมงเล็กๆ ที่มีชื่อเสียงด้านหอยมุก อาหารทะเลสด และทิวทัศน์อ่าวที่สวยงาม เมืองนี้เป็นที่ตั้งของเกาะไข่มุกมิคิโมโตะ (Mikimoto Pearl Island) ซึ่งเป็นสถานที่แรกในโลกที่ประสบความสำเร็จในการเพาะเลี้ยงไข่มุก นอกจากการเรียนรู้เกี่ยวกับไข่มุกแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถชมการสาธิตการดำน้ำเก็บหอยมุกแบบดั้งเดิมโดย อามะ (Ama) หญิงนักดำน้ำ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของที่นี่ได้อีกด้วย
ในเดือนพฤษภาคม อากาศเริ่มอบอุ่นขึ้น ทำให้สามารถล่องเรือชมอ่าวโทบะซึ่งเต็มไปด้วยเกาะเล็กเกาะน้อยกว่า 60 เกาะได้แบบสบายๆ ได้เห็นฟาร์มเลี้ยงหอยนางรม ฟาร์มสาหร่าย และชีวิตชาวประมงท้องถิ่นอย่างใกล้ชิด

Tips: ลองชิม อิเสะเอบิ (Ise Ebi) หรือกุ้งมังกรอิเสะที่หาทานได้ในท้องถิ่นนี้ หรือแวะกระท่อมอามะ ฮะจิมันคามาโดะ (AMA Hut Hachiman Kamado) ซึ่งเป็นกระท่อมแบบดั้งเดิมที่นักดำน้ำหญิงใช้พักและทำอาหารทะเลสดๆ ย่างบนเตาถ่าน
หมู่บ้านนินจาอิงะ (Iga Ninja Village)

เมืองรอง ญี่ปุ่นอีกที่ที่จะพาคุณไปสัมผัสกับศิลปะการต่อสู้ที่เป็นตำนานของญี่ปุ่น! อิงะ เมืองเล็กๆ ในจังหวัดมิเอะเป็นหนึ่งในสองถิ่นกำเนิดของนินจาที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น หมู่บ้านนินจาอิงะมีไฮไลท์หลายอย่างให้ไปตามเก็บ ทั้งพิพิธภัณฑ์นินจา บ้านนินจาโบราณที่มีกลไกซ่อนเร้นมากมาย และการแสดงสาธิตเทคนิคการต่อสู้แบบนินจา นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้ประวัติศาสตร์ของนินจาได้แบบสนุกๆ ซึ่งแตกต่างจากที่เห็นในภาพยนตร์และมังงะ ถ้าใครที่อินหน่อยก็สามารถสวมชุดนินจาถ่ายรูปเป็นที่ระลึก ได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่เลย
จังหวัดกุนมะ (Gunma) - แดนออนเซ็นและธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
เที่ยวญี่ปุ่น เมืองรองที่ไหนดี? กุนมะก็เป็นอีกคำตอบที่น่าสนใจ! ยิ่งถ้าเพื่อนๆ มองหาเมืองรองญี่ปุ่นน่าเที่ยว ที่เต็มไปด้วยบ่อน้ำพุร้อนเลื่องชื่อ ธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ และบรรยากาศเงียบสงบที่ไม่วุ่นวายเหมือนเมืองใหญ่
แม้จะอยู่ห่างจากโตเกียวเพียงไม่กี่ชั่วโมง แต่กุนมะยังคงเป็นเมืองรอง ญี่ปุ่นที่นักท่องเที่ยวต่างชาติยังไม่ค่อยรู้จัก ในเดือนพฤษภาคม อากาศที่นี่กำลังดี เหมาะกับการออกไปสำรวจธรรมชาติ เที่ยวออนเซ็น และเดินเล่นในหมู่บ้านโบราณที่ยังคงบรรยากาศยุคเอโดะไว้อย่างสมบูรณ์
คุซัตสึ ออนเซ็น (Kusatsu Onsen)

หากพูดถึงออนเซ็นที่ดีที่สุดของญี่ปุ่น คุซัตสึ ออนเซ็น ต้องติดอันดับต้นๆ อย่างแน่นอน ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่อง น้ำพุร้อนที่อุดมไปด้วยแร่ธาตุและมีความเป็นกรดสูง เชื่อกันว่ามีสรรพคุณช่วยรักษาโรคผิวหนังและช่วยให้สุขภาพดีขึ้น
จุดศูนย์กลางของเมืองคือ ยูบาทาเกะ (Yubatake) บ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่กลางเมืองที่เป็นทั้งแหล่งน้ำพุร้อนหลักและสถานที่ท่องเที่ยวไปในตัว ทุกๆ ชั่วโมงจะมีการสาธิต ยุโมมิ (Yumomi) การแสดงการกวนและลดอุณหภูมิน้ำพุร้อนโดยใช้ไม้กระดานยาว พร้อมเสียงเพลงพื้นบ้าน เป็นวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่สมัยเอโดะ
ในเดือนพฤษภาคม อากาศก็เริ่มอบอุ่นขึ้น ทำให้สามารถเดินเล่นรอบเมืองและสำรวจเส้นทางเดินป่าในบริเวณใกล้เคียงได้แบบสบายๆ และยังเป็นช่วงที่นักท่องเที่ยวน้อยกว่าช่วงฤดูหนาวที่ผู้คนมาเล่นสกีอีกด้วย

Tips: มาถึงทั้งทีต้องทดลองแช่ออนเซ็นแบบ จิคังยู (Jikanyu) ซึ่งเป็นวิธีแช่แบบดั้งเดิมที่มีการกำหนดเวลาให้แช่ในบ่อที่มีอุณหภูมิสูงเป็นพิเศษ (แนะนำให้แช่ครั้งละ 3-5 นาที) และอย่าลืมลองชิม ออนเซ็น มันจู หมั่นโถวไส้ถั่วแดงที่นึ่งโดยใช้ไอน้ำจากน้ำพุร้อน
น้ำตกฟุคิวาเระ (Fukiware Falls)

น้ำตกฟุคิวาเระ ได้รับฉายาว่าเป็น “ไนแองการ่าแห่งตะวันออก” เนื่องจากลักษณะของกระแสน้ำที่ไหลผ่านโขดหินกว้างกว่า 30 เมตร แม้จะสูงเพียง 7 เมตร แต่สิ่งที่ทำให้ที่นี่โดดเด่นคือ รูปร่างของหินธรรมชาติที่ถูกกัดเซาะโดยน้ำเป็นเวลาหลายพันปี เกิดเป็นช่องแคบและโพรงธรรมชาติที่สวยงามแปลกตา
ในเดือนพฤษภาคม หิมะที่ละลายจากภูเขาทำให้น้ำในแม่น้ำมีปริมาณมากและไหลแรง ทำให้ได้เห็นภาพที่น่าประทับใจ บริเวณโดยรอบยังมีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบธรรมชาติเอามากๆ
Tips: ควรสวมรองเท้าที่เหมาะสำหรับการเดินบนพื้นที่เปียกและลื่น เพราะละอองน้ำจากน้ำตกทำให้บริเวณโดยรอบชื้นแฉะ และถ้ามีเวลา ลองเดินไปตามเส้นทางเดินป่าริมแม่น้ำ คุณจะได้พบกับวิวที่สวยงามและนักท่องเที่ยวน้อย
หุบเขาทสึมะโกะ (Tsumago Valley)

สำหรับสายชอบบรรยากาศญี่ปุ่นโบราณ ต้องไม่พลาด เมืองน่าเที่ยวในญี่ปุ่นอย่างหมู่บ้านโบราณทสึมะโกะ (Tsumago) ที่ตั้งอยู่บนเส้นทางนากะเซนโด (Nakasendo) เส้นทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมระหว่างเกียวโตและเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) หมู่บ้านนี้ได้รับการบูรณะให้มีสภาพเหมือนในสมัยเอโดะ ทำให้เหมือนก้าวย้อนเวลากลับไป 200 ปี
ถนนหลักของหมู่บ้านปูด้วยหินและขนาบด้วยบ้านไม้โบราณ ร้านค้า และโรงแรมแบบเรียวกัง ไม่มีเสาไฟฟ้าหรือสายไฟให้เห็น แม้แต่เครื่องขายเครื่องดื่มอัตโนมัติยังถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดเพื่อรักษาบรรยากาศดั้งเดิม
จากทสึมะโกะ (Tsumago) นักท่องเที่ยวสามารถเดินตามเส้นทางประวัติศาสตร์นากะเซนโดไปยังหมู่บ้านมาโกเมะ (Magome) อีกหมู่บ้านโบราณที่สวยงามไม่แพ้กัน ระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 2-3 ชั่วโมง ผ่านป่าไม้ ทุ่งหญ้า และน้ำตกเล็กๆ ในเดือนพฤษภาคม เส้นทางเดินนี้สวยงามเป็นพิเศษด้วยดอกไม้ป่าที่บานสะพรั่งและใบไม้เขียวชอุ่ม อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การเดินสำรวจ ชมธรรมชาติในบรรยากาศของญี่ปุ่นยุคศักดินาในอดีตสุดๆ
Tips: สามารถฝากกระเป๋าเดินทางได้ที่ศูนย์ข้อมูลนักท่องเที่ยวในทสึมะโกะ (Tsumago) หรือมาโกเมะ (Magome) กระเป๋าจะถูกส่งไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่งให้ ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวกโดยไม่ต้องแบกของหนัก และอย่าลืมลองชิม โกเฮโมจิ (Gohei Mochi) ข้าวเหนียวย่างเคลือบซอสถั่วเหลืองหวาน อาหารพื้นเมืองที่หาทานได้ตามร้านค้าในหมู่บ้าน
เที่ยวญี่ปุ่นเมืองรอง เดินทางยังไงให้สะดวกและคุ้มค่า?
การเดินทางไปยังเมืองรองในญี่ปุ่นอาจต้องวางแผนมากกว่าแค่การไปเยือนโตเกียวหรือโอซาก้า แต่เชื่อเถอะว่า ความพยายามนี้จะได้รับการตอบแทนด้วยประสบการณ์ที่เพื่อนๆ จะไม่มีวันลืม! ทั้งวิวธรรมชาติที่งดงาม และบรรยากาศที่เงียบสงบกว่าที่เคยสัมผัส
รถไฟ JR Pass – ตัวเลือกสุดคุ้มสำหรับนักเดินทางหลายภูมิภาค
ถ้าคุณวางแผนจะเดินทางไปหลายจังหวัด JR Pass (Japan Rail Pass) ยังคงเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่า แต่! อย่าลืมเช็คให้ดีว่าเมืองที่จะไปอยู่ในเส้นทางของ JR หรือไม่ เพราะบางเมืองรองอาจต้องใช้รถไฟท้องถิ่นเพิ่มเติมด้วย
Tips: ลองใช้ JR Regional Pass ที่ครอบคลุมเฉพาะภูมิภาค เช่น Kansai Wide Area Pass หรือ Hokuriku Arch Pass ซึ่งอาจถูกกว่า JR Pass แบบทั่วประเทศ
รถไฟท้องถิ่น – ทางเลือกที่สะดวกสำหรับเที่ยวภายในจังหวัด
หลายจังหวัดมี ตั๋วเหมาจ่ายสำหรับนักท่องเที่ยว ที่ช่วยประหยัดค่าเดินทางและครอบคลุมเส้นทางท้องถิ่น เช่น:
- ● Gunma Free Pass – ใช้เดินทางในจังหวัดกุนมะ ครอบคลุมเส้นทางไปยังออนเซ็นและสถานที่ธรรมชาติ
- ● Mie Kintetsu Rail Pass – เหมาะสำหรับเที่ยวศาลเจ้าอิเสะและเมืองอิงะ บ้านเกิดของนินจา
Tips: เช็คว่าเส้นทางที่คุณต้องการไปครอบคลุมอยู่ในตั๋วหรือไม่ บางจังหวัดมี 1-Day Pass หรือ 2-Day Pass ที่ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มาก
รถบัส – เข้าถึงจุดหมายที่รถไฟไปไม่ถึง
หากต้องการเดินทางไป หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) หรือจุดหมายปลายทางที่อยู่บนภูเขา รถบัสเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะมีเส้นทางเชื่อมต่อระหว่างเมืองหลักและสถานที่ท่องเที่ยวที่รถไฟเข้าไม่ถึง
เส้นทางรถบัสยอดนิยม:
- ● Nohi Bus – ให้บริการระหว่างทาคายาม่าและชิราคาวาโกะ
- ● Willer Express – บริการรถบัสไฮเวย์ที่เชื่อมต่อเมืองหลักกับเมืองรอง
Tips: จองตั๋วล่วงหน้า โดยเฉพาะเส้นทางยอดนิยมอย่างชิราคาวาโกะ ซึ่งอาจเต็มเร็ว และอย่าลืมเช็คตารางเวลารถบัสให้ดี เพราะบางเส้นทางมีวิ่งแค่ไม่กี่รอบต่อวัน
เช่ารถ – อิสระในการเดินทางในพื้นที่ชนบท
หากต้องการความสะดวกสบายและความยืดหยุ่น การเช่ารถขับเองเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทที่ระบบขนส่งสาธารณะอาจไม่สะดวกนัก สามารถอ่านข้อมูลเพิ่มเติมสำหรับการเช่ารถเที่ยวญี่ปุ่นได้ที่นี่เลย!
สำหรับใครที่กำลังวางแผนจะไปเที่ยวญี่ปุ่นกันอยู่ ลองออกลองออกจากเส้นทางเดิมๆ แล้วไปเที่ยวญี่ปุ่น เมืองรองกัน นอกจากจะได้สัมผัส บรรยากาศที่เงียบสงบ วิวธรรมชาติที่สวยงาม และ วัฒนธรรมญี่ปุ่นแท้ๆ แล้ว ยังเป็นการช่วยสนับสนุนชุมชนท้องถิ่น และเปิดโอกาสให้คุณได้พบเจอเรื่องราวใหม่ ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร
ออกไปสัมผัส 4 เมืองรองน่าเที่ยวในญี่ปุ่นง่ายๆ กับ Gother ครบจบทั้งตั๋วเครื่องบิน ที่พัก กิจกรรมน่าลอง และ รถเช่า ตอนนี้พร้อมโปรโมชั่นสุดคุ้ม! จองตอนนี้แล้วออกไปสัมผัสประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ไม่เหมือนใครกันเลย!