แจกแพลนเที่ยวเซี่ยงไฮ้ 4 วัน 3 คืน แถม Disneyland 1 วันเต็ม
ตั้งแต่จีนประกาศฟรีวีซ่าให้คนไทย การเดินทางไปเซี่ยงไฮ้ก็ง่ายและได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะบินตรงเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ถึง เมืองนี้ถือเป็นหนึ่งในศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญของเอเชียตะวันออก นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้ทั้งความล้ำสมัยของตึกระฟ้า คาเฟ่และย่านศิลปะที่เต็มไปด้วยสีสัน ความคลาสสิกของเมืองเก่า ถนนช้อปปิ้งชื่อดัง รวมถึง Shanghai Disneyland ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย เรียกได้ว่า มาเที่ยวเซี่ยงไฮ้เพียงทริปเดียว ก็เหมือนได้ครบทั้งความโมเดิร์น วัฒนธรรม และความบันเทิงในเวลาเดียวกัน
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับแพลนเที่ยวเซี่ยงไฮ้ 4 วัน 3 คืน ที่ออกแบบมาสำหรับมือใหม่ เก็บครบทั้งแลนด์มาร์ก คาเฟ่ ร้านดัง และย่านชิค ๆ ที่ห้ามพลาด พร้อมเคล็ดลับด้านการเดินทางและสิ่งที่ควรรู้ เพื่อให้ทริปสนุกและคุ้มค่าในทุกวัน ใครกำลังเล็งตั๋วไปเซี่ยงไฮ้ บทความนี้คือสิ่งที่ต้องเซฟเก็บไว้ ไปจัดแพลนพร้อมกันเลย!
วันที่ 1 : Rock Bund – North Bund – The Bund
ช่วงเช้า: เช็คอิน & เดินเล่นที่ Rock Bund
พอเข้ามาในเมืองแล้ว เช็กอินที่พักให้เรียบร้อย แนะนำพักแถว Nanjing Road บอกเลยว่าสะดวกมาก เพราะทั้งใกล้ Metro สามารถต่อได้หลายสาย และสามารถเดินไปแลนด์มาร์กดัง ๆ อย่าง The Bund ได้ง่าย แค่ 8–10 นาที (ประมาณ 700 เมตร) ก็ถึงริมแม่น้ำหวงผู่แล้ว
ที่พักแนะนำใกล้เดอะบันด์ (The Bund) และพีเพิลส์สแควร์ (People’s Square)
จากนั้นเริ่มต้นทริปด้วยการเดินเล่นที่ Rock Bund ย่านเก่าแก่ที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ตึกสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปผสมกับพิพิธภัณฑ์ศิลปะ เช่น Rockbund Art Museum เหมาะสำหรับถ่ายรูปและเดินชิลในบรรยากาศเงียบสงบ
ช่วงบ่าย: แวะเดินเล่น ถ่ายรูปที่ North Bund
หลังจากเดินเล่น Rock Bund ในช่วงเช้าแล้ว ช่วงบ่ายแนะนำให้นั่ง รถไฟใต้ดิน (Metro) หรือแท็กซี่ต่อไปยัง North Bund อีกหนึ่งย่านชมวิวริมแม่น้ำที่กำลังมาแรงในหมู่นักท่องเที่ยวรุ่นใหม่ จุดนี้ขึ้นชื่อเรื่องความสงบ คนน้อยกว่า The Bund (หาดไว่ทาน) แต่ได้มุมมองตึกระฟ้าฝั่ง Pudong แบบเต็ม ๆ โดยเฉพาะ Shanghai Tower ตึกสูงอันดับต้น ๆ ของโลก และหอไข่มุกสีชมพู Oriental Pearl Tower ที่เป็นสัญลักษณ์ของเซี่ยงไฮ้
The Bund → จุดแลนด์มาร์กหลักของนักท่องเที่ยวต่างชาติ คนเยอะมาก โดยเฉพาะตอนเย็น–ค่ำที่ไฟตึกเปิด เหมาะกับการชมบรรยากาศโรแมนติกและเดินเล่นยาว ๆ
ลงรถไฟฟ้าใต้ดินสาย 12 ที่สถานี International Cruise Terminal ออกทางออก 3 แล้วเดินต่อประมาณ 10 นาที ก็จะเจอสวนสวยริมแม่น้ำ จุดถ่ายรูป skyline ที่คนนิยมไปกัน
North Bund ตอนนี้ถือว่าเป็นย่านมาแรงของเซี่ยงไฮ้ ไม่ได้เงียบเหมือนเมื่อก่อน เพราะมีทั้งมุมถ่ายรูปวิว skyline สวย ๆ คาเฟ่เท่ ๆ และร้านอาหารให้เลือกเพียบ เหมาะกับการมาเดินเล่น ชิล หรือจะหาคาเฟ่นั่งพักก็ได้ครบทุกบรรยากาศ ที่สำคัญคือได้ภาพเซี่ยงไฮ้แบบเต็มตา แต่ไม่พลุกพล่านเท่า The Bund
North Bund ต่างจาก The Bund ยังไง?
North Bund → เป็นโซนที่ Local นิยมมาเดินเล่น เพราะบรรยากาศเงียบสงบกว่า เหมาะกับการถ่ายรูปตึกฝั่ง Pudong แบบเต็ม ๆ โดยไม่มีสิ่งกีดขวาง
วิธีเดินทางไป North Bund ลงสถานีไหน?
ร้านอาหารกลางวันแนะนำใกล้ North Bund
ช่วงเย็น: เดินเล่นริมแม่น้ำ ล่องเรือหวงผู่ ที่ The Bund
ปิดท้ายวันแรกด้วยแลนด์มาร์กอันดับหนึ่งของเซี่ยงไฮ้ The Bund (หาดไว่ทาน) ไฮไลท์คือการเดินเล่นริมแม่น้ำหวงผู่เพื่อชมวิวสองฟากฝั่งที่ตัดกันอย่างชัดเจน ฝั่ง Puxi เป็นอาคารโคโลเนียลเก่าแบบยุโรป ส่วนฝั่ง Pudong คือเส้นขอบฟ้า (skyline) ของตึกระฟ้าโมเดิร์น ไม่ว่าจะเป็น Oriental Pearl Tower หรือ Shanghai Tower ช่วงเวลาที่สวยที่สุด อยู่ระหว่าง 18:00–19:30 น. เพราะจะได้ทั้งภาพพระอาทิตย์ตกโรแมนติก และบรรยากาศแสงไฟยามค่ำคืนที่ค่อย ๆ สว่างขึ้นทีละดวง
ถ้าอยากเก็บประสบการณ์ให้ครบ แนะนำล่องเรือ Huangpu River Cruise ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ได้ภาพวิวสองฝั่งแม่น้ำที่งดงามที่สุดของมหานครเซี่ยงไฮ้
ถ้าใครอยากนั่งชิลรับบรรยากาศริมแม่น้ำหลังเดินเล่นที่ The Bund ลองเลือกร้านดังเหล่านี้ดูได้เลย
แต่ละร้านเดินถึงง่ายจากสถานี East Nanjing Road (Metro Line 2, Exit 3) และเปิดถึงดึก
เหมาะกับการปิดท้ายวันแรกของทริป
ร้านอาหารค่ำใกล้กับเดอะบันด์ (The Bund)
⏰ 11:30–22:00
ร้านอาหารอิตาเลียนบรรยากาศอบอุ่น เหมาะสำหรับดินเนอร์ง่าย ๆ หลังชมวิว
⏰ 11:30–01:00
ไฮไลท์คือระเบียงชมวิวแม่น้ำหวงผู่แบบพาโนรามา นั่งเพลิน ๆ ได้ทั้งอาหารและค็อกเทล
⏰ จ–ศ 14:00–01:00 / ส–อา 11:30–01:00
Rooftop Bar บรรยากาศสบาย ๆ เดินจาก The Bund แค่ 900 เมตร
ได้วิวสวยพร้อมเครื่องดื่มและเมนูง่าย ๆ
วันที่ 2 : ไปเที่ยวสวนสนุก Shanghai Disneyland
วันนี้คือไฮไลท์ของทริป! เราจะใช้เวลาเต็มวันอยู่ใน Shanghai Disneyland สวนสนุกที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง ที่นี่ถูกแบ่งออกเป็นหลายโซน แต่ละโซนมีธีมและเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น โซนคลาสสิกอย่าง Fantasyland ที่มีปราสาทเจ้าหญิง และ โซนใหม่ล่าสุดอย่าง Zootopia ที่ออกแบบให้เหมือนหลุดเข้าไปในโลกของการ์ตูน Zootopia จริง ๆ
เช้า : เดินทางไปสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์
- นั่ง Metro Line 11 → Disney Resort Station (สถานีปลายทาง) เดินต่อไม่กี่นาทีก็ถึงทางเข้า
- ก่อนเข้า ควรโหลด แอป Shanghai Disney Resort เพื่อดูเวลารอเครื่องเล่น + ซื้อ Disney Premier Access (DPA)
อยากบอกว่าถ้าไป Shanghai Disneyland แล้วต้องมาต่อคิวยซื้อตั๋วหน้างาน อาจเสียเวลาเป็นชั่วโมง โดยเฉพาะวันหยุดหรือสุดสัปดาห์ที่คนเยอะมาก แนะนำให้การจองบัตรล่วงหน้า ผ่าน Gother.com จะช่วยให้เข้าได้ทันที ไม่ต้องรอคิวนาน
วิธีจองตั๋วเข้าสวนสนุกดิสนีย์แลนด์
- เข้าเว็บไซต์ Gother.com
- เลือกที่เมนู กิจกรรมน่าลอง
- พิมพ์ค้นหาว่า เซี่ยงไฮ้ ดิสนีย์แลนด์ หรือ Shanghai Disneyland
- เลือกวันเข้าชมที่ต้องการ (ควรเลือกวันธรรมดาเพื่อลดเวลารอคิว และ e-ticket ใช้ได้เฉพาะวันที่จองเท่านั้น)
- ชำระเงินออนไลน์
- รับ QR Code e-ticket ทางอีเมล
- โหลดแอป Shanghai Disney Resort และสแกน QR Code เก็บไว้ล่วงหน้า กันลืมหรืออินเทอร์เน็ตช้า
- วันจริงเพียงโชว์ QR Code ให้เจ้าหน้าที่ที่ประตู แล้วเข้าได้เลย ง่ายมาก!
ไปเซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ เล่นเครื่องเล่นอะไรดี?
เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์มีเครื่องเล่นหลายโซนมาก ๆ แต่ถ้าให้แนะนำแบบไม่พลาดนะ ควรรีบไปต่อคิวเล่น 3 เครื่องเล่นนี้ก่อนเลย เพราะเป็นไฮไลต์เด็ดที่ไม่เหมือนดิสนีย์แลนด์ที่อื่น
โซน Zootopia
พอเดินเข้ามาในโซนนี้ จะรู้สึกเหมือนอยู่ในเมือง Zootopia จริง ๆ เลย ทั้งตึกสูงสีสันสดใส และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ทำให้นึกถึงฉากในหนัง ไฮไลท์คือเครื่องเล่น Zootopia: Hot Pursuit ที่ให้เรานั่งรถ
ตำรวจไปกับ Judy Hopps และ Nick Wilde ออกตามล่าตัวร้ายกลางเมือง บรรยากาศทำออกมาได้สมจริงมาก รอบ ๆ โซนยังมีร้านขายของที่ระลึก และหลายจุดที่เหมาะกับการถ่ายรูปเก็บบรรยากาศ ใครที่เป็นแฟนหนังเรื่องนี้น่าจะชอบเป็นพิเศษ
โซน Tomorrowland – TRON Lightcycle Power Run
โซนนี้ถือเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของ Shanghai Disneyland เพราะมีเครื่องเล่น TRON Lightcycle Power Run รถไฟเหาะที่ให้นั่งในท่าขี่มอเตอร์ไซค์ไฟเหมือนในภาพยนตร์ TRON ตัวรถจะวิ่งด้วยความเร็วสูง ทั้งในร่มที่เต็มไปด้วยแสงสีไซไฟ และนอกอาคารที่เปิดโล่งให้เห็นวิวด้านนอก
ยิ่งถ้ามาเก็บภาพตอนกลางคืน บรรยากาศจะยิ่งสวย แสงไฟสีฟ้าที่สะท้อนกับโครงสร้างทำให้ภาพออกมาดูล้ำสมัยมาก ๆ ถ้าไม่อยากเสียเวลาต่อคิวนาน แนะนำให้ใช้ Premier Access ตั้งแต่ช่วงเช้าเพื่อจะได้เล่นแบบสบาย ๆ
โซน Toy Story Land
โซนนี้เต็มไปด้วยสีสันสดใสและบรรยากาศเหมือนเราได้กลายเป็นของเล่นจริง ๆ เพราะทุกอย่างถูกออกแบบให้มีขนาดยักษ์ ไม่ว่าจะเป็นหลอดไฟ ลูกบอล หรือบล็อกไม้ เหมือนเดินเล่นอยู่ในสวนหลังบ้านของ Andy เลย
ไฮไลท์คือเครื่องเล่นสนุก ๆ ที่เหมาะกับทุกวัย เช่น Slinky Dog Spin ที่หมุนวนไปมาสำหรับครอบครัว, Woody’s Roundup ที่นั่งรถลากวัวหมุนสนุก ๆ และ Rex’s Racer ที่เป็นรถไฟเหาะครึ่งวงกลมให้ความตื่นเต้นกำลังดี โซนนี้ยังเป็นอีกหนึ่งมุมถ่ายรูปยอดฮิต เพราะเต็มไปด้วยตัวละครจาก Toy Story ที่หลายคนคุ้นเคยตั้งแต่เด็ก
เย็น : ชมขบวนพาเหรด และพลุที่ปราสาท
อีกหนึ่งช่วงเวลาที่หลายคนรอคอยคือขบวนพาเหรดตัวละครดิสนีย์ ที่จะเดินผ่านเส้นทางกลางสวนสนุกพร้อมเสียงดนตรีสุดครึกครื้น เราจะได้เห็นตัวละครโปรดอย่าง Mickey, Minnie, Daisy, Pluto และผองเพื่อนออกมาเต้นและโบกมือทักทายผู้ชมตลอดสองข้างทาง บรรยากาศเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต่างตั้งกล้องรอเก็บภาพความประทับใจ
ใครที่อยากได้มุมชมสวย ๆ แนะนำให้มาเลือกที่นั่งรอก่อนเวลาสักหน่อย เพราะเป็นช่วงที่ถนนแน่นไปด้วยผู้คนที่ไม่อยากพลาดโมเมนต์นี้หลังจากสนุกกับเครื่องเล่นมาตลอดทั้งวัน ถึงเวลาผ่อนคลายด้วยบรรยากาศการแสดงและแสงสีสุดอลังการ
ปิดท้ายวันด้วยโชว์ไฟ แสง สี เสียง และพลุ ที่ปราสาท Enchanted Storybook Castle ปราสาทดิสนีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก การแสดงนี้ถือเป็นซิกเนเจอร์ของสวนสนุกเซี่ยงไฮ้ที่ห้ามพลาดเด็ดขาด เหมือนเป็นการปิดหนังสือนิทานแห่งความฝันในค่ำคืนอันน่าจดจำ
ที่พักใกล้เซี่ยงไฮ้ดิสนีย์แลนด์ (Shanghai Disneyland)
วันที่ 3 : Xintiandi – Anfu Road – Wukang Road
เช้า : เดินถ่ายรูปเล่น ย่าน Xintiandi
เช้าวันนี้เราเริ่มต้นทริปกันที่ Xintiandi ย่านเก่าสุดฮิปที่ถูกรีโนเวตจากโกดังเก่าและตึกหินแบบ Shikumen ให้กลายเป็นย่านสุดชิค เต็มไปด้วยคาเฟ่ บาร์ และร้านอาหาร บรรยากาศเหมือนเดินอยู่ยุโรปใจกลางเซี่ยงไฮ้
เดินเข้าไปปุ๊บก็เจอกับงานศิลปะจัดแสดงสุดล้ำ ที่ทำให้ย่านนี้ไม่ใช่แค่แหล่งช้อปหรือคาเฟ่ แต่ยังมีความครีเอทีฟและสมัยใหม่แทรกอยู่ทุกมุม เหมาะกับสายถ่ายรูปหรือใครที่อยากได้ฟีลแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร
ระหว่างเดินเล่นในซอยเล็ก ๆ (ภาพสองและสาม) จะได้เจอร้านดังทั้งแบรนด์อินเตอร์และร้านโลคัล มีผู้คนทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่นเดินกันคึกคัก แต่บรรยากาศไม่วุ่นวายจนเกินไป ทำให้เดินเล่นได้เรื่อย ๆ เพลิน ๆ เหมาะกับการมานั่งจิบกาแฟ ถ่ายรูปกับตึกหินสไตล์วินเทจ และใช้เวลาช่วงเช้าแบบสบาย ๆ
คาเฟ่แนะนำ
บ่าย : Anfu Road + Wukang Road
หลังจากเดินเล่นย่าน Xintiandi ช่วงเช้า ช่วงบ่ายเรามาเปลี่ยนฟีลกันที่ Anfu Road ถนนยอดฮิตของวัยรุ่นจีนที่มาแล้วต้องแวะสักครั้ง บรรยากาศที่นี่เต็มไปด้วยคาเฟ่ ร้านขนม และช็อปขายของน่ารัก ๆ เดินไปไม่กี่ก้าวก็เจอมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ตลอดทาง
สิ่งที่สะดุดตาสุด ๆ คือร้านแฟชั่นและคาเฟ่ธีมหมี ที่มีหมีเท็ดดี้ไซส์ยักษ์โผล่หน้าต่างออกมาทักทายถนน (อย่างร้าน 13 DE MARZO) ด้านในก็ตกแต่งเต็มไปด้วยกองทัพตุ๊กตาหมีสุดคิ้วท์ ใครเป็นสายถ่ายรูปหรือชอบของน่ารัก ๆ รับรองต้องถูกใจแน่นอน
อีกมุมที่ห้ามพลาดคือร้านแนว colorful อย่าง Wiggle Wiggle ที่เต็มไปด้วยสีสันสดใส ของใช้ลายการ์ตูนตะมุตะมิ เดินเข้าไปแล้วรู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในโลกแฟนตาซีเลย
เดินเล่นเพลิน ๆ ต่อมาไม่นานก็ถึง Wukang Roadล ถนนสายต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น
มีตึกเก่าเรียงรายสวยงาม โดยเฉพาะ Wukang Mansion อาคารอิฐสีน้ำตาลที่ถือเป็นจุดถ่ายรูปแลนด์มาร์กของที่นี่ มุมนี้เห็นบ่อยในอินสตาแกรมของคนจีนเลย บ่ายนี้ก็เลยได้ฟีลทั้งน่ารักสดใสจาก Anfu Road และโรแมนติกคลาสสิกจาก Wukang Road
เรียกว่าเก็บครบทั้งสองบรรยากาศในครึ่งวันเดียว
นอกจากนี้ยังมีคาเฟ่ที่อยากแนะนำ เช่น
เย็น : French Concession vibe
หลังจากเดินเล่นบนถนน Wukang Road จนเพลิน ช่วงเย็นเรามาปิดท้ายวันกันที่ย่าน French Concession รอบ ๆ Hengshan Road ย่านนี้บรรยากาศชิค ๆ อินเตอร์หน่อย ๆ เต็มไปด้วย บาร์ คาเฟ่ และร้านอาหารสไตล์นานาชาติ ที่คึกคักเป็นพิเศษยามค่ำ ใครที่อยากนั่งจิบเครื่องดื่มเบา ๆ ฟังดนตรีสด หรือหามื้อค่ำบรรยากาศดี ๆ ที่นี่คือคำตอบเลย
ถนนสายนี้ยังคงเอกลักษณ์ของ French Concession คือ อาคารสไตล์ยุโรปเก่าแทรกอยู่กับความทันสมัยของเมืองเซี่ยงไฮ้ ทำให้เดินเล่นช่วงหัวค่ำแล้วได้ทั้งฟีลโรแมนติกและชิคในเวลาเดียวกัน
Day 4 : Hongkou ชมบรรยากาศในเมือง ช้อปปิ้งก่อนกลับ
เช้า : เดินเล่นที่ถนน Hongkou
เช้าวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับ ลองมาเดินเล่นที่ Hongkou เพื่อซึมซับบรรยากาศเรียบง่ายของเมืองอีกมุมหนึ่ง การได้นั่งเล่นที่ Lu Xun Park หรือแค่เดินดูวิถีชีวิตคนท้องถิ่น ก็เป็นการปิดท้ายทริปที่อบอุ่นและผ่อนคลาย ก่อนกลับไปเจอกับความวุ่นวายในชีวิตประจำวัน
หลังจากใช้เวลาในเช้าที่ Hongkou กันแล้ว ช่วงบ่ายก็เตรียมตัวมุ่งหน้าสู่สนามบินผู่ตง (Pudong International Airport) เพื่อเดินทางกลับบ้าน
วิธีที่สะดวกที่สุดคือ นั่ง Metro Line 2 จากในเมืองไปลงที่สถานี Longyang Road จากนั้นต่อ Shanghai Maglev Train รถไฟแม่เหล็กความเร็วสูงที่ขึ้นชื่อของเซี่ยงไฮ้ ตัว Maglev ใช้เวลาเพียง 8 นาที ก็ถึงสนามบิน ความเร็วสูงสุดแตะเกือบ 430 กม./ชม.
ทำให้เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์การเดินทางที่น่าลองไม่แพ้เครื่องเล่นในสวนสนุกเลยทีเดียว
ระหว่างทางยังได้เห็นวิวเมืองผ่านหน้าต่างรถไฟแบบแว้บ ๆ ก่อนจะบอกลานครเซี่ยงไฮ้อย่างสมบูรณ์
หลังจาก 4 วัน 3 คืนเต็มไปด้วยทั้งความสนุกและบรรยากาศที่หลากหลาย
เซี่ยงไฮ้เป็นอีกหนึ่งเมืองที่เที่ยวแล้วไม่มีเบื่อ เพราะรวมทุกฟีลไว้ในทริปเดียว
ทั้งความสนุกสุดอลังการของ Shanghai Disneyland คาเฟ่และถนนสุดชิคใน
Anfu Road, Wukang Road รวมถึงมุมสงบ ๆ ที่ Hongkou ก่อนกลับบ้าน
เรียกว่าได้ครบทั้งความคึกคัก น่ารัก และอบอุ่นในเมืองเดียว
ใครที่กำลังแพลนมาเที่ยว อย่าลืมจอง
ตั๋วเข้าสวนสนุก Shanghai Disneyland
ล่วงหน้า และตั๋วเครื่องบินไปเซี่ยงไฮ้
ไว้ให้เรียบร้อย จะได้เที่ยวแบบไม่สะดุด ไปจองง่าย ๆ ได้ที่ Gother
บ่าย : เดินทางกลับ


