หนีเมืองใหญ่ ไปหลงเสน่ห์! เปิดวาร์ป 5 หมู่บ้านโบราณ ญี่ปุ่น ที่คนไทยยังไม่ค่อยรู้จัก

เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น หลายคนอาจนึกถึงโตเกียว โอซาก้า หรือเกียวโต แต่ญี่ปุ่นยังมีเสน่ห์อีกมากมายที่ซ่อนอยู่ในหมู่บ้านโบราณเล็กๆ ที่ห่างไกลจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่ สถานที่เหล่านี้ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตและสถาปัตยกรรมแบบดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ราวกับย้อนเวลากลับไปในยุคเอโดะหรือเมจิ จนทำให้นักท่องเที่ยวต่างตกหลุมรักเสน่ห์ของความเป็นญี่ปุ่นโบราณ
วันนี้ เราจะพาทุกคนไปสัมผัสมนต์เสน่ห์ของ 5 หมู่บ้านโบราณในญี่ปุ่นที่คนไทยส่วนใหญ่อาจยังไม่รู้จัก แต่รับรองว่าครั้งหนึ่งในชีวิตคุณต้องไปเยือนให้ได้ เตรียมกล้องให้พร้อม เพราะความงดงามของสถานที่เหล่านี้จะทำให้คุณหลงใหลและประทับใจไม่รู้ลืม!
อิเนะ โนะ ฟุนายะ (Ine no Funaya) - หมู่บ้านชาวประมงลอยน้ำ

ความมหัศจรรย์แห่งหมู่บ้านริมทะเล
หมู่บ้านญี่ปุ่นโบราณที่ซ่อนตัวอยู่ในอ่าวเล็กๆ ทางตอนเหนือของเกียวโต อิเนะ โนะ ฟุนายะ (Ine no Funaya) คือหมู่บ้านชาวประมงที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี ชื่อ "ฟุนายะ" แปลตรงตัวว่า "บ้านเรือ" ซึ่งสะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นของหมู่บ้านแห่งนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะบ้านแต่ละหลังถูกสร้างขึ้นติดกับน้ำทะเลโดยตรง โดยชั้นล่างเป็นที่จอดเรือและชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย
เมื่อมองจากทะเลเข้ามา จะเห็นบ้านไม้กว่า 230 หลังเรียงรายโอบล้อมอ่าวอย่างสวยงาม ราวกับภาพวาดที่มีชีวิต โดยเฉพาะในยามเย็นที่พระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า แสงสีส้มอ่อนๆ สะท้อนกับผืนน้ำและตัวบ้าน สร้างภาพบรรยากาศที่แสนโรแมนติกและเป็นเอกลักษณ์ จนได้รับการขนานนามว่าเป็น "เวนิสแห่งญี่ปุ่น"
วิถีชีวิตที่ผูกพันกับทะเล
ชาวบ้านที่อิเนะยังคงดำรงชีวิตด้วยการประมงมาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงปัจจุบัน วิถีชีวิตของพวกเขาผูกพันกับทะเลอย่างแนบแน่น หากได้ไปเที่ยวกันที่ เพื่อนๆ ก็จะมีโอกาสได้เห็นชาวประมงพายเรือออกไปหาปลาในยามเช้า หรือนำปลาสดๆ กลับมาในยามบ่าย ซึ่งบางส่วนจะถูกนำไปแปรรูปเป็นอาหารทะเลแห้งตามภูมิปัญญาท้องถิ่น
จุดที่น่าสนใจคือ ด้วยการออกแบบที่ชาญฉลาดของฟุนายะ ชั้นล่างของบ้านที่เป็นที่จอดเรือนั้นยังมีระบบระบายอากาศตามธรรมชาติที่ช่วยถนอมอาหารทะเลได้ดี ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอิเนะ โนะ ฟุนายะ
- ● ล่องเรือชมวิวรอบอ่าว - กิจกรรมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือการล่องเรือชมวิถีชีวิตชาวประมงและบ้านฟุนายะจากมุมมองกลางทะเล ซึ่งจะทำให้คุณเห็นความงดงามของหมู่บ้านได้อย่างเต็มตา เรือจะออกทุกๆ 30 นาที ใช้เวลาล่องประมาณ 25 นาที
- ● เดินเล่นบนถนนเลียบอ่าว - เส้นทางเดินเท้าที่ทอดยาวตามแนวอ่าวให้คุณได้สัมผัสวิถีชีวิตและบรรยากาศของหมู่บ้านอย่างใกล้ชิด ระหว่างทางมีร้านขายของที่ระลึกและร้านอาหารท้องถิ่นให้แวะชิม
- ● ขึ้นจุดชมวิว Ine Kirarium Park - จุดชมวิวบนเนินเขาที่ให้คุณได้เห็นภาพพาโนรามาของทั้งหมู่บ้านและอ่าวอิเนะ โดยเฉพาะในช่วงพระอาทิตย์ตกที่สวยงามเกินบรรยาย
- ● พักโฮมสเตย์ในฟุนายะ - บางหลังคาเรือนได้ดัดแปลงเป็นที่พักสำหรับนักท่องเที่ยว ให้คุณได้สัมผัสประสบการณ์นอนในบ้านเรือแบบดั้งเดิม ตื่นมาพร้อมวิวทะเลงดงามตรงหน้า
อาหารท้องถิ่นที่ต้องลิ้มลอง
- ● อิเนะ ดงบุริ (Ine Donburi) - ข้าวหน้าปลาหมึก ปลาดิบ และไข่ปลาสดๆ ที่ปรุงง่ายๆ แต่รสชาติเข้มข้นเต็มไปด้วยรสหวานของวัตถุดิบจากทะเล
- ● ปลาซาบะหมักเกลือ - เมนูดั้งเดิมที่ชาวประมงมักจะเตรียมไว้กินระหว่างออกทะเล เนื้อปลาหมักเกลือจนได้ที่ ทานคู่กับข้าวร้อนๆ
- ● อาหารทะเลย่าง - ปลา กุ้ง และหอยสดๆ นำมาย่างเกลือแบบเรียบง่าย ให้รสชาติของวัตถุดิบเป็นพระเอก
วิธีเดินทางไปอิเนะ โนะ ฟุนายะ
- ● เดินทางจากเกียวโตไปยังสถานี Amanohashidate โดยรถไฟ Kyoto Tango Railway (ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง)
- ● จากสถานี Amanohashidate นั่งรถบัสไปยังหมู่บ้านอิเนะ (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)
ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเยี่ยมชมคือฤดูใบไม้ผลิถึงฤดูใบไม้ร่วง (เมษายน-พฤศจิกายน) เนื่องจากอากาศดีและเหมาะแก่การล่องเรือชมวิว
โออุจิ-จูกุ (Ouchi-juku) - หมู่บ้านซามูไรโบราณ

ย้อนเวลาสู่เส้นทางซามูไรโบราณ
หมู่บ้านโบราณ ญี่ปุ่น ที่ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางขุนเขาในจังหวัดฟุคุชิมะ โออุจิ-จูกุ (Ouchi-juku) คือหมู่บ้านเล็กๆ ที่เคยเป็นจุดแวะพักสำคัญบนเส้นทางการค้าอาอิซุนิชิไคโดะ (Aizu-Nishi Kaido) ซึ่งเชื่อมระหว่างเมืองอาอิซุ-วาคามัตสึและเมืองนิกโก้ในสมัยเอโดะ (ปี 1603-1868)
ที่นี่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีจนกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่ยังมีชีวิต ที่นี่ คุณจะได้สัมผัสกับบรรายากาศขของการเที่ยวเมืองเก่า ญี่ปุ่น บ้านแต่ละหลังมุงหลังคาด้วยหญ้าแฝก (Kayabuki) กว่า 30 หลัง เรียงรายตลอดสองฝั่งถนนหลักของหมู่บ้าน เมื่อก้าวเข้ามาในโออุจิ-จูกุ คุณจะรู้สึกราวกับได้ย้อนเวลากลับไปในยุคซามูไร ไม่มีสายไฟฟ้าระโยงระยาง ไม่มีป้ายโฆษณาสมัยใหม่ มีเพียงถนนดินและบ้านไม้โบราณที่ยังคงใช้ชีวิตกันแบบดั้งเดิม

เสน่ห์ของบ้านหลังคาหญ้าแฝก
ความพิเศษของโออุจิ-จูกุอยู่ที่สถาปัตยกรรมบ้านหลังคาหญ้าแฝกหรือ "กายาบูกิ" (Kayabuki) ที่เป็นเอกลักษณ์ หลังคาเหล่านี้ทำจากหญ้าแฝกที่นำมาผูกมัดและวางซ้อนกันอย่างแน่นหนา มีความหนาถึง 50-60 เซนติเมตร ช่วยให้บ้านเย็นในฤดูร้อนและอบอุ่นในฤดูหนาว
สิ่งที่น่าสนใจคือ ทุกๆ 20-30 ปี ชาวบ้านจะร่วมแรงร่วมใจกันเปลี่ยนหลังคาหญ้าแฝกใหม่ (ในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า "ยูกิ" - Yuki) ซึ่งเป็นประเพณีที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และในปัจจุบันกลายเป็นงานเทศกาลประจำท้องถิ่นที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมาชม
กิจกรรมที่น่าสนใจในโออุจิ-จูกุ
- ● เดินเล่นสำรวจหมู่บ้าน - ใช้เวลาเดินชมบ้านเรือนโบราณที่ส่วนใหญ่ได้ถูกดัดแปลงเป็นร้านขายของที่ระลึก ร้านอาหาร หรือพิพิธภัณฑ์เล็กๆ โดยยังคงรักษาโครงสร้างดั้งเดิมไว้
- ● ขึ้นจุดชมวิวของหมู่บ้าน - ด้านหลังหมู่บ้านมีเส้นทางเดินขึ้นไปยังศาลเจ้า Takakura Shrine ซึ่งเป็นจุดชมวิวที่ให้คุณเห็นภาพรวมของหมู่บ้านและหลังคาหญ้าแฝกที่เรียงรายสวยงาม
- ● เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น - พิพิธภัณฑ์ Ouchi-juku Kyodo Museum จัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และวิถีชีวิตของผู้คนในยุคเอโดะ ให้คุณได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของหมู่บ้านอย่างลึกซึ้ง
- ● ใส่ชุดกิโมโนเดินเล่น - มีบริการเช่าชุดกิโมโนให้นักท่องเที่ยวได้แต่งตัวย้อนยุค เพื่อถ่ายภาพเป็นที่ระลึกในบรรยากาศโบราณ

อาหารท้องถิ่นที่ต้องลิ้มลอง
- ● เนกิโซบะ (Negi Soba) - เส้นโซบะร้อนเสิร์ฟพร้อมต้นหอมขนาดใหญ่ทั้งต้น ซึ่งคุณจะใช้เป็น "ตะเกียบ" ในการรับประทาน เป็นเอกลักษณ์ที่พบได้เฉพาะที่โออุจิ-จูกุเท่านั้น
- ● อิโมะคาเระโมจิ (Imo-karē-mochi) - ขนมหวานทำจากมันเทศและแป้งข้าวเหนียว นำไปย่างจนหอมกรุ่น ทานคู่กับซอสมิโซะหวาน
- ● โทจิ-โซบะ (Toji-soba) - เส้นโซบะเสิร์ฟในน้ำซุปร้อนๆ พร้อมกับไข่ ผักตามฤดูกาล และเนื้อสัตว์ เหมาะสำหรับวันที่อากาศหนาวเย็น
วิธีเดินทางไปโออุจิ-จูกุ
- ● เดินทางจากโตเกียวไปยังสถานี Aizu-Wakamatsu โดยรถไฟ Shinkansen และรถไฟท้องถิ่น (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)
- ● จากสถานี Aizu-Wakamatsu นั่งรถบัสไปยังโออุจิ-จู (ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง)
ช่วงเวลาที่งดงามที่สุดคือฤดูหนาว เมื่อหมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน สร้างภาพที่เหมือนในนิทาน แต่ถ้าใครที่ไม่ชอบอากาศหนาว มาช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็สวยงามไม่แพ้กัน ด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีรอบๆ หมู่บ้าน
ย่านโรงน้ำชาฮิงาชิ ชายะ (Higashi Chaya District) - จังหวัดอิชิคาวะ

ย่านที่สาวเกอิชายังคงเดินสวนกันในตรอกเล็กๆ
ตามไปเที่ยวเมืองเก่าญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่ในเมืองคานาซาวะ จังหวัดอิชิคาวะ ย่านฮิงาชิ ชายะ (Higashi Chaya District) คือย่านโรงน้ำชาโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างสมบูรณ์ที่สุดในญี่ปุ่น ย่านนี้รุ่งเรืองมาตั้งแต่ปี 1820 เป็นสถานที่พบปะสังสรรค์ของบรรดาพ่อค้าและขุนนางในยุคเอโดะ ที่มาเพื่อพักผ่อนหย่อนใจและชมการแสดงของเกอิชา
"ชายะ" (Chaya) ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "โรงน้ำชา" แต่สถานที่เหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงร้านน้ำชาธรรมดา เพราะที่นี่ถือเป็นหมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นที่ให้บริการทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และความบันเทิงโดยเกอิชาผู้เชี่ยวชาญในศิลปะการรายรำ ดนตรี และพูดคุย
เมื่อเดินเข้าไปในย่านฮิงาชิ ชายะ คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศย้อนยุค ทั้งถนนที่ปูด้วยหินและบ้านไม้สองชั้นที่มีประตูไม้ระแนงเป็นเอกลักษณ์เรียกว่า "คิโนชิตะ-โทริ" (Kinoshita-tori) ซึ่งออกแบบให้มองไม่เห็นด้านในจากภายนอก แต่คนภายในสามารถมองเห็นถนนได้ ในยามค่ำคืน เมื่อโคมไฟถูกจุดสว่าง ย่านนี้จะมีเสน่ห์มากเป็นพิเศษ
โรงน้ำชาที่เปิดให้เข้าชม
แม้ว่าโรงน้ำชาส่วนใหญ่ในปัจจุบันจะถูกดัดแปลงเป็นร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึก หรือร้านกาแฟ แต่ยังมีโรงน้ำชาโบราณบางแห่งที่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมภายใน
- ● ชิมะ (Shima) - เป็นโรงน้ำชาเก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์ให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้และห้องต่างๆ ที่ใช้รับรองแขกและการแสดงของเกอิชา คุณจะได้เห็นการจัดวางแบบดั้งเดิมและเรียนรู้วิธีการดำเนินงานของโรงน้ำชาในอดีต
- ● คาอิคาโร (Kaikaro) - เป็นโรงน้ำชาที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ในปัจจุบัน แต่เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมในช่วงกลางวัน ภายในตกแต่งอย่างหรูหรางดงาม โดดเด่นด้วยเพดานชั้นสองที่ประดับด้วยแผ่นทองคำเปลว

กิจกรรมที่น่าสนใจในย่านฮิงาชิ ชายะ
- ● ชมการแสดงเกอิชา - หากโชคดี คุณอาจได้ชมการแสดงของเกอิชาที่จัดขึ้นเป็นพิเศษสำหรับนักท่องเที่ยวที่โรงน้ำชาคาอิคาโรในบางช่วงเวลา (ควรจองล่วงหน้า)
- ● ทำทองคำเปลว - คานาซาวะขึ้นชื่อเรื่องการผลิตทองคำเปลว โดยผลิตถึง 99% ของทองคำเปลวทั้งหมดในญี่ปุ่น ที่ร้าน Hakuza คุณสามารถลองทำเครื่องประดับหรือของที่ระลึกด้วยทองคำเปลวด้วยตัวเองได้อีกด้วย
- ● จิบชาพร้อมขนมญี่ปุ่น - หลายร้านในย่านนี้เสิร์ฟชาเขียวแบบดั้งเดิมพร้อมขนมญี่ปุ่น ให้คุณได้พักเหนื่อยและดื่มด่ำกับบรรยากาศโบราณ
- ● ชุดกิโมโนถ่ายภาพ - มีบริการเช่าชุดกิโมโนหลากหลายสไตล์ให้คุณได้สวมใส่เดินเล่นในย่านประวัติศาสตร์นี้ ซึ่งจะช่วยเพิ่มอรรถรสในการท่องเที่ยวและได้ภาพถ่ายสวยๆ กลับไป
อาหารและของฝากที่ไม่ควรพลาด
- ● Gold Leaf Sparkling Soft-serve Ice Cream - ไอศกรีมที่เคลือบด้วยทองคำเปลว เป็นประสบการณ์อันหรูหราที่หาได้เฉพาะที่นี่
- ● วากาชิ (Wagashi) - ขนมญี่ปุ่นดั้งเดิมที่ทำเป็นรูปทรงดอกไม้หรือสัญลักษณ์ตามฤดูกาล คานาซาวะมีชื่อเสียงด้านการทำวากาชิที่ประณีตสวยงาม
- ● ของที่ระลึกประดับทองคำเปลว - ตั้งแต่เครื่องใช้ในบ้านไปจนถึงเครื่องสำอาง เครื่องเขียน หรือแม้แต่เหล้าสาเกที่มีทองคำเปลวลอยอยู่ในขวด เป็นของฝากสุดพิเศษที่มีเฉพาะที่คานาซาวะ
วิธีเดินทางไปย่านฮิงาชิ ชายะ
- ● เดินทางจากโตเกียวไปยังสถานีคานาซาวะโดยรถไฟ Hokuriku Shinkansen (ใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมง)
- ● จากสถานีคานาซาวะ นั่งรถบัสท้องถิ่นหรือเดินเท้าประมาณ 20 นาทีไปยังย่านฮิงาชิ ชายะ
คานาซาวะสวยงามตลอดทั้งปี แต่ช่วงที่งดงามเป็นพิเศษคือฤดูใบไม้ผลิเมื่อดอกซากุระบาน และฤดูใบไม้ร่วงเมื่อใบไม้เปลี่ยนสี ย่านฮิงาชิ ชายะเปิดให้เข้าชมทุกวัน โดยบางโรงน้ำชาและพิพิธภัณฑ์อาจมีวันหยุดประจำสัปดาห์ ควรเช็คเวลากันให้ดีก่อนเดินทาง
สึมาโกะ-จูกุ (Tsumago-juku) - เมืองโบราณบนเส้นทางนะกะเซนโด (Nakasendo)

สถานีแวะพักโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างสมบูรณ์
หมู่บ้านโบราณญี่ปุ่นที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาคิโซ (Kiso Valley) ของจังหวัดนากาโนะ สึมาโกะ-จูกุ (Tsumago-juku) คือหนึ่งในสถานีพักแรมโบราณบนเส้นทางนะกะเซนโด (Nakasendo) ซึ่งเป็นเส้นทางการค้ายุคเก่าที่เชื่อมระหว่างเอโดะ (โตเกียวในปัจจุบัน) และเกียวโต ในสมัยโบราณ เมื่อขุนนางและพ่อค้าต้องเดินทางไกล พวกเขาจะแวะพักค้างคืนตามสถานีพักแรมเหล่านี้ที่เรียกว่า "จูกุ" (Juku)
สึมาโกะ-จูกุเป็นหนึ่งในจูกุที่ได้รับการอนุรักษ์อย่างดีที่สุดในญี่ปุ่น หลังจากที่ซบเซาไปในยุคเมจิเมื่อทางรถไฟสายใหม่ถูกสร้างขึ้น ชาวเมืองได้ร่วมมือกันฟื้นฟูและอนุรักษ์บ้านเรือนโบราณกว่า 180 ปีให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งในปี 1968
ความพิเศษของสึมาโกะ-จูกุคือการอนุรักษ์บรรยากาศแบบย้อนยุคอย่างเข้มงวด ไม่มีสายไฟฟ้าให้เห็น ไม่มีเครื่องจักรสมัยใหม่ ไม่มีป้ายโฆษณาฉูดฉาด และไม่อนุญาตให้จอดรถในเขตเมืองเก่า ทำให้การเดินเล่นในสึมาโกะเหมือนกับการย้อนเวลากลับไปในอดีตจริงๆ
สถาปัตยกรรมและความงดงามของบ้านญี่ปุ่นโบราณ
บ้านเรือนในสึมาโกะสร้างด้วยไม้สนตามสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณ เรียกว่า Waki-honjin ซึ่งมีลักษณะเด่นคือหลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้ และฝาบ้านทาด้วยสีดำจากถ่านไม้ผสมน้ำมันพืช เพื่อป้องกันไฟและแมลง
อาคารที่โดดเด่นที่สุดในหมู่บ้านคือ Waki-honjin ซึ่งเคยเป็นที่พักของเหล่าเจ้านายชั้นสูงเมื่อเดินทางผ่านมา ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงข้าวของและเครื่องใช้โบราณ ให้คุณได้เห็นวิถีชีวิตของผู้คนในยุคเอโดะ

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนสึมาโกะ-จูกุ
- ● เดินเส้นทางนะกะเซนโดโบราณ - เส้นทางระหว่างสึมาโกะและหมู่บ้านมาโกะเมะอีกหนึ่งจูกุที่อยู่ใกล้เคียง เป็นเส้นทางเดินเท้าระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตร ที่จะพาคุณผ่านป่าไม้ ลำธาร และทุ่งนาสวยงาม ใช้เวลาเดินประมาณ 2-3 ชั่วโมง เป็นกิจกรรมยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติและประวัติศาสตร์
- ● เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์วากิ-โฮนจิน - เรียนรู้ประวัติศาสตร์ของสึมาโกะและเส้นทางนะกะเซนโดผ่านข้าวของเครื่องใช้โบราณ เช่น อาวุธ ชุดเกราะ เสื้อผ้า และของใช้ในชีวิตประจำวัน
- ● ชมการสาธิตงานหัตถกรรมพื้นบ้าน - ในฤดูท่องเที่ยว มีการสาธิตงานหัตถกรรมพื้นบ้าน เช่น การทำกระดาษวาชิ (Washi) หรือการแกะสลักไม้ ให้นักท่องเที่ยวได้ชม
- ● พักโฮมสเตย์ในบ้านโบราณ - หลายบ้านในสึมาโกะได้ดัดแปลงเป็นโรงแรมสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม หรือ "มินชุคุ" (Minshuku) ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์พักในบ้านไม้โบราณ นอนบนฟูกพื้นเสื่อทาทามิ และอาบน้ำในบ่อน้ำร้อนออนเซ็น
อาหารท้องถิ่นที่ต้องลิ้มลอง
- ● Kiso-sancho Soba - เส้นโซบะที่ทำจากแป้งบั๊ควีทผสมผงพริกป่า มีรสชาติเผ็ดเล็กน้อยและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
- ● Iwana-ni - ปลาเทราต์ภูเขาย่างเกลือเสิร์ฟพร้อมข้าว เป็นอาหารที่นิยมในหมู่นักเดินทางมาตั้งแต่โบราณ
- ● Hida-gyu - เนื้อวัวสายพันธุ์ท้องถิ่นที่ขึ้นชื่อในแถบนี้ นิยมทำเป็นสุกี้ยากี้หรือเนื้อย่าง มีความนุ่มและมีรสชาติเข้มข้น
วิธีเดินทางไปสึมาโกะ-จูกุ
- ● จากโตเกียว นั่งรถไฟ JR Chuo Line ไปยังสถานี Nagiso แล้วต่อรถบัสหรือแท็กซี่ไปสึมาโกะ (ใช้เวลารวมประมาณ 3-4 ชั่วโมง)
- ● จากนาโกย่า นั่งรถไฟ JR Shinano ไปยังสถานี Nagiso แล้วต่อรถบัสหรือแท็กซี่ (ใช้เวลารวมประมาณ 2-3 ชั่วโมง)
ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการเยี่ยมชมคือฤดูใบไม้ผลิ (เมษายน-พฤษภาคม) เมื่อดอกซากุระบาน และฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เมื่อใบไม้เปลี่ยนสี สร้างทัศนียภาพที่งดงามให้กับหมู่บ้านโบราณแห่งนี้
กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) - หมู่บ้านน้ำพุร้อนในหุบเขาลึก จังหวัดยามากาตะ

สปารีสอร์ทในหุบเขาที่งดงามดุจภาพวาด
ที่เที่ยวเมืองเก่า ญี่ปุ่นแหล่งสุดท้ายที่ห้ามพลาด! กินซัน ออนเซ็น (Ginzan Onsen) เป็นหมู่บ้านน้ำพุร้อนเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกของจังหวัดยามากาตะ (Yamagata) ทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ชื่อ "กินซัน" แปลว่า "เหมืองเงิน" ซึ่งบ่งบอกถึงประวัติศาสตร์ของพื้นที่นี้ที่เคยเป็นแหล่งทำเหมืองเงินในยุคเอโดะ หลังจากเหมืองปิดตัวลงในปี 1950 หมู่บ้านได้ปรับเปลี่ยนมาเน้นการท่องเที่ยวน้ำพุร้อนแทน
ความงดงามของกินซัน ออนเซ็นอยู่ที่บรรยากาศย้อนยุคของโรงแรมน้ำพุร้อนหรือ "เรียวกัง" (Ryokan) สไตล์ไทโชที่สร้างด้วยไม้สูง 3-4 ชั้นเรียงรายสองฝั่งแม่น้ำ โดยมีภูเขาสูงเป็นฉากหลัง โดยเฉพาะในฤดูหนาวเมื่อหิมะตกปกคลุมทั่วหมู่บ้าน และโคมไฟถนนแบบดั้งเดิมถูกจุดสว่าง สร้างภาพที่โรแมนติกราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์ จนทำให้กินซัน ออนเซ็นได้รับความนิยมเป็นอย่างมากหลังจากถูกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำละครทีวีญี่ปุ่นชื่อดังเรื่อง "โอชิน" (Oshin)
น้ำพุร้อนและเรียวกังแบบดั้งเดิม
น้ำพุร้อนที่กินซัน ออนเซ็นมีอุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีคุณสมบัติในการบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ และช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ตามความเชื่อดั้งเดิมของชาวญี่ปุ่น โดยมีทั้งบ่อแช่ส่วนตัวในเรียวกังและบ่อแช่สาธารณะให้เลือกใช้บริการ
เรียวกังในกินซัน ออนเซ็นส่วนใหญ่สร้างขึ้นในช่วงปลายยุคเมจิถึงยุคไทโชเอระ (ประมาณปี 1900-1930) ด้วยสถาปัตยกรรมไม้แบบญี่ปุ่นดั้งเดิมผสมผสานกับอิทธิพลตะวันตก ภายในตกแต่งด้วยเสื่อทาทามิ ฉากกั้นห้องกระดาษวาชิ และเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิม สร้างบรรยากาศอบอุ่นและผ่อนคลาย
เรียวกังที่โด่งดังที่สุดในกินซัน ออนเซ็นคือ "โนโตยะ เรียวกัง" (Notoya Ryokan) ซึ่งได้รับการบูรณะโดยสถาปนิกชื่อดัง เคนโกะ คุมะ (Kengo Kuma) ให้ยังคงรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมแต่เพิ่มความร่วมสมัยเข้าไป และปรากฏในสื่อระดับนานาชาติมากมาย

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนกินซัน ออนเซ็น
- ● แช่น้ำพุร้อน - ประสบการณ์แช่น้ำพุร้อนแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น ที่นักท่องเที่ยวสามารถเลือกแช่ได้ทั้งในบ่อรวมหรือบ่อส่วนตัวในเรียวกัง
- ● สำรวจเหมืองเงินเก่า - เหมืองเงินที่เคยเป็นแหล่งรายได้หลักของหมู่บ้านได้ถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมบางส่วน คุณจะได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์การทำเหมืองเงินในยุคเอโดะ และเห็นอุโมงค์โบราณที่คนงานเหมืองเคยใช้
- ● เดินเล่นยามค่ำคืนริมแม่น้ำ - ในยามค่ำคืนเมื่อโคมไฟแบบดั้งเดิมถูกจุดสว่าง แม่น้ำที่ไหลผ่านกลางหมู่บ้านและอาคารไม้โบราณจะสร้างบรรยากาศแสนโรแมนติกที่หาได้ยากในที่อื่น
- ● เดินป่าในเขตป่าสงวนรอบหมู่บ้าน - พื้นที่โดยรอบกินซันออนเซ็นมีเส้นทางเดินป่าที่สวยงาม ไปชมน้ำตก พรรณไม้ และทัศนียภาพของภูเขาโดยรอบ

อาหารท้องถิ่นที่ต้องลิ้มลอง
- ● ยามากาตะ โซบะ (Yamagata Soba) - เส้นโซบะเหนียวนุ่มเสิร์ฟพร้อมน้ำซุปเข้มข้น นิยมทานกับปลาแซลมอนย่างหรือผักดอง
- ● อิโมะนิ (Imoni) - สตูว์ที่ทำจากเนื้อวัวและมันฝรั่งญี่ปุ่น ปรุงรสด้วยซอสมิโซะและสาเก เป็นอาหารประจำฤดูใบไม้ร่วงของภูมิภาคโทโฮคุ
- ● ดังโกะ (Dango) - ขนมญี่ปุ่นทำจากแป้งข้าวเหนียวนึ่ง เสียบไม้และย่างให้หอม เสิร์ฟพร้อมซอสถั่วเหลืองหวาน เป็นของว่างยอดนิยมในท้องถิ่น
วิธีเดินทางไปกินซัน ออนเซ็น
- ● เดินทางจากโตเกียวไปยังสถานี Oishida โดยรถไฟ Yamagata Shinkansen (ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง)
- ● จากสถานี Oishida นั่งรถบัสไปยังกินซัน ออนเซ็น (ใช้เวลาประมาณ 40 นาที)
กินซัน ออนเซ็นสวยงามในทุกฤดูกาล แต่ฤดูที่ได้รับความนิยมที่สุดคือฤดูหนาว (ธันวาคม-กุมภาพันธ์) เมื่อหมู่บ้านถูกปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน และฤดูใบไม้ร่วง (ตุลาคม-พฤศจิกายน) เมื่อใบไม้เปลี่ยนสีเป็นสีส้มและแดงสวยงาม
หมู่บ้านโบราณในญี่ปุ่นทั้ง 5 แห่งนี้อาจไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวที่คนไทยนิยมไปมากนัก แต่รับรองว่าถ้าได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง คุณจะได้เห็นอีกมุมหนึ่งของญี่ปุ่นที่งดงาม เงียบสงบ และเต็มไปด้วยเสน่ห์ และยิ่งทำให้คุณหลงรักประเทศนี้มากยิ่งขึ้นไปอีก เพราะความงดงามที่แท้จริงของญี่ปุ่นไม่ได้อยู่เพียงแค่ในเมืองใหญ่ แต่แฝงอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมต่างๆ ของประเทศนี้ต่างหาก!
ใครที่อยากไปสัมผัเสน่ห์เมืองเก่าในญี่ปุ่นกันแล้ว ก็เตรียมตัวแพลนทริป จอง ตั๋วเครื่องบิน ที่พัก กิจกรรมน่าลอง กับ Gother กันเเลย! แอบกระซิบบอกว่า มีโปรโมชั่นส่วนลดให้ด้วยนะ เที่ยวคุ้ม เที่ยสะดวก ที่ Gother เท่านั้น!